ประวัติสถานที่ซ้อมของพวกเรา พระเศวตสุรคชาธาร
การเสด็จพระราชดำเนินจังหวัดยะลา พ.ศ. 2511
การเสด็จพระราชดำเนินจังหวัดยะลา พ.ศ. 2511
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินจังหวัดยะลา ในวันที่ 9 , 10 และ 11 มีนาคม พ.ศ.2511 เพื่อทรงประกอบ พระราชพิธีรับและขึ้นระวางสมโภชพระยาช้างต้น พระเศวต - สุรคชาธาร ซึ่งมีรายละเอียดประวัติของพระยาช้างต้นเผือกดังนี้ คือ
นายเจ๊ะเฮง หะระดี กำนันตำบลการอ อำเภอรามัน จังหวัดยะลาได้นำช้างของตนไปเลี้ยง ในป่า ขณะที่ผูกช้างไว้มีลูกช้างสูงประมาณ 1 เมตร พลัดแม่เข้ามาอยู่ใกล้ช้างของนายเจ๊ะเฮง หะระดี จึงได้จับลูกช้างมาเลี้ยง ปรากฏว่าช้างพลายตัวนี้มีลักษณะมงคลคชลักษณ์บางประการ จึงแจ้งต่อ ผู้ว่าราชการจังหวัดและได้ขอให้สำนักพระราชวังส่งผู้ชำนาญการไปตรวจสอบร่วมกับเจ้าหน้าที่กระทรวงมหาดไทย และเจ้าหน้าที่จังหวัดยะลา สำนักพระราชวังได้ให้พระราชวังเมือง (ปุ้ย คชาชีวะ ราชวัง) อดีตเจ้ากรมช้างต้นไปตรวจสอบพิจารณาคชลักษณ์ ผลปรากฎว่า ลูกช้างตัวนี้มีมงคลลักษณะ ถูกต้อง ตามตำราพระคชลักษณ์ศาสตร์อยู่ใน "พรหมพงศ์" ตระกูล "ช้าง 10 หมู่" ชื่อ "คามหัตถี" สมควรขึ้นระวางเป็นพระยาช้างต้นคู่พระบารมี
กระทรวงมหาดไทยร่วมกับประชาชนจังหวัดยะลา จึงขอพระราชทานน้อมเกล้าฯ ถวายเพื่อเป็นพระราชพาหนะคู่พระบารมีตาม พระราชประเพณี
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำริว่า การที่มีช้างสำคัญเกิดขึ้นในพระราช - อาณาจักร โบราณราชประเพณีถือว่า เป็นมงคลแก่ประเทศชาติ เมื่อกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดพร้อมด้วยประชาชนได้น้อมเกล้าฯ ถวายช้างสำคัญอันประกอบ ด้วยมงคลคชลักษณ์ตามตำรา "พระคชลักษณ์ศาสตร์" เช่นนี้ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้สำนักพระราชวังกำหนดเสด็จ พระราชดำเนินจังหวัดยะลา เพื่อทรงรับการน้อมเกล้าฯ ถวายช้างสำคัญ และโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งการพิธีขึ้นระวางสมโภชช้างสำคัญที่จังหวัดยะลา เพื่อเป็นสิริมงคลและเป็นเกียรติแก่จังหวัดในโอกาสนี้จะได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานพระพุทธนวราชบพิตรสำหรับ จังหวัดยะลาด้วย
ดังนั้นในวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2511 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จึงได้เสด็จ พระราชดำเนินยังจังหวัดยะลา ทรงประทับแรม ณ เรือนประทับแรม ศูนย์ช่วยเหลือพัฒนาชุมชนจังหวัดยะลา ในวันเดียวกันนี้ ได้พระราชทานพระพุทธนวราชบพิตรแก่ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลาเพื่อเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองยะลา และเพื่อให้ชาวพุทธในจังหวัดยะลา ได้สักการะในงานพิธีต่าง ๆ จากนั้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กราบบังคมทูลถวายช้างสำคัญ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงเสด็จขึ้นเกย ทรงหลั่งน้ำพระพุทธมนต์พระราชทานแก่ลูกช้าง พระราชทาน เครื่องคชาภรณ์สำหรับแต่งแก่ช้างสำคัญ สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ พระราชทานพวงมาลัยคล้องแก่ช้างสำคัญ อันเป็นการรับการน้อมเกล้าถวายลูกช้างเป็นช้างสำคัญ
ครั้นในวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2511 จึงได้มีพระราชพิธีขึ้นระวางสมโภชช้างสำคัญโดยที่ ชาวยะลาและชาวจังหวัดใกล้เคียง ได้จัดกระบวนแหอย่างวิจิตรพิศดาร ประกอบเข้ากับกระบวนช้างสำคัญ เพื่อส่งช้างสำคัญเข้าสู่พระราชพิธีขึ้นระวางสมโภช ที่จัดตามโบราณราชประเพณี และในวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2511 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานนาม ซึ่งขึ้นระวางเป็นพระยาช้างต้นว่า
พระเศวตสุรคชาธาร บรมนฤบาลสวามิภักดิ์
ศุภลักษณ์เนตราทิคุณ ทศกุลวิศิษฎพรหมพงศ์
อดุลยวงศดามพหัตถี ประชาชนะสวัสดีวิบุลยศักดิ์
อัครสยามนาถสุรพาหน มงคลสารเลิศฟ้า
ในพระราชพิธีรับและขึ้นระวางสมโภชพระเศวตสุรคชาธารครั้งนี้ คุณหญิง สมโรจน์ สวัสดิ์กุล ณ อยุธยา ได้นิพนธ์ คำฉันท์ดุษฎีสังเวยกล่อมพระเศวตสุรคชาธาร ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแก่พระครูพราหมณ์อ่านในงานพระราชพิธีนี้บทนิพนธ์ตอนหนึ่งกล่าวถึงประวัติของ พระเศวตสุรคชาธาร ว่า
นายเจ๊ะเฮง หะระดี กำนันตำบลการอ อำเภอรามัน จังหวัดยะลาได้นำช้างของตนไปเลี้ยง ในป่า ขณะที่ผูกช้างไว้มีลูกช้างสูงประมาณ 1 เมตร พลัดแม่เข้ามาอยู่ใกล้ช้างของนายเจ๊ะเฮง หะระดี จึงได้จับลูกช้างมาเลี้ยง ปรากฏว่าช้างพลายตัวนี้มีลักษณะมงคลคชลักษณ์บางประการ จึงแจ้งต่อ ผู้ว่าราชการจังหวัดและได้ขอให้สำนักพระราชวังส่งผู้ชำนาญการไปตรวจสอบร่วมกับเจ้าหน้าที่กระทรวงมหาดไทย และเจ้าหน้าที่จังหวัดยะลา สำนักพระราชวังได้ให้พระราชวังเมือง (ปุ้ย คชาชีวะ ราชวัง) อดีตเจ้ากรมช้างต้นไปตรวจสอบพิจารณาคชลักษณ์ ผลปรากฎว่า ลูกช้างตัวนี้มีมงคลลักษณะ ถูกต้อง ตามตำราพระคชลักษณ์ศาสตร์อยู่ใน "พรหมพงศ์" ตระกูล "ช้าง 10 หมู่" ชื่อ "คามหัตถี" สมควรขึ้นระวางเป็นพระยาช้างต้นคู่พระบารมี
กระทรวงมหาดไทยร่วมกับประชาชนจังหวัดยะลา จึงขอพระราชทานน้อมเกล้าฯ ถวายเพื่อเป็นพระราชพาหนะคู่พระบารมีตาม พระราชประเพณี
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำริว่า การที่มีช้างสำคัญเกิดขึ้นในพระราช - อาณาจักร โบราณราชประเพณีถือว่า เป็นมงคลแก่ประเทศชาติ เมื่อกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดพร้อมด้วยประชาชนได้น้อมเกล้าฯ ถวายช้างสำคัญอันประกอบ ด้วยมงคลคชลักษณ์ตามตำรา "พระคชลักษณ์ศาสตร์" เช่นนี้ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้สำนักพระราชวังกำหนดเสด็จ พระราชดำเนินจังหวัดยะลา เพื่อทรงรับการน้อมเกล้าฯ ถวายช้างสำคัญ และโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งการพิธีขึ้นระวางสมโภชช้างสำคัญที่จังหวัดยะลา เพื่อเป็นสิริมงคลและเป็นเกียรติแก่จังหวัดในโอกาสนี้จะได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานพระพุทธนวราชบพิตรสำหรับ จังหวัดยะลาด้วย
ดังนั้นในวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2511 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จึงได้เสด็จ พระราชดำเนินยังจังหวัดยะลา ทรงประทับแรม ณ เรือนประทับแรม ศูนย์ช่วยเหลือพัฒนาชุมชนจังหวัดยะลา ในวันเดียวกันนี้ ได้พระราชทานพระพุทธนวราชบพิตรแก่ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลาเพื่อเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองยะลา และเพื่อให้ชาวพุทธในจังหวัดยะลา ได้สักการะในงานพิธีต่าง ๆ จากนั้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กราบบังคมทูลถวายช้างสำคัญ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงเสด็จขึ้นเกย ทรงหลั่งน้ำพระพุทธมนต์พระราชทานแก่ลูกช้าง พระราชทาน เครื่องคชาภรณ์สำหรับแต่งแก่ช้างสำคัญ สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ พระราชทานพวงมาลัยคล้องแก่ช้างสำคัญ อันเป็นการรับการน้อมเกล้าถวายลูกช้างเป็นช้างสำคัญ
ครั้นในวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2511 จึงได้มีพระราชพิธีขึ้นระวางสมโภชช้างสำคัญโดยที่ ชาวยะลาและชาวจังหวัดใกล้เคียง ได้จัดกระบวนแหอย่างวิจิตรพิศดาร ประกอบเข้ากับกระบวนช้างสำคัญ เพื่อส่งช้างสำคัญเข้าสู่พระราชพิธีขึ้นระวางสมโภช ที่จัดตามโบราณราชประเพณี และในวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2511 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานนาม ซึ่งขึ้นระวางเป็นพระยาช้างต้นว่า
พระเศวตสุรคชาธาร บรมนฤบาลสวามิภักดิ์
ศุภลักษณ์เนตราทิคุณ ทศกุลวิศิษฎพรหมพงศ์
อดุลยวงศดามพหัตถี ประชาชนะสวัสดีวิบุลยศักดิ์
อัครสยามนาถสุรพาหน มงคลสารเลิศฟ้า
ในพระราชพิธีรับและขึ้นระวางสมโภชพระเศวตสุรคชาธารครั้งนี้ คุณหญิง สมโรจน์ สวัสดิ์กุล ณ อยุธยา ได้นิพนธ์ คำฉันท์ดุษฎีสังเวยกล่อมพระเศวตสุรคชาธาร ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแก่พระครูพราหมณ์อ่านในงานพระราชพิธีนี้บทนิพนธ์ตอนหนึ่งกล่าวถึงประวัติของ พระเศวตสุรคชาธาร ว่า
กำเนิดช้าง
แถลงปางคชสารทรงคุณ ผิวพรรณเพียงอรุณ
โลมาสีทองผ่องงาม
จตุเทพรังถวายจอมสยาม กำเนิดแคว้นคาม
ยะลาธานีศรีไทย
สารน้อยสู่บุญทรงชัย ประจักษ์ทั่วไป
ว่าเพราะพระเมตตาบารมี
พระทรงแผ่ทั่วธรณี ปวงประชาชี
ส่ำสัตว์พึ่งโพธิสมภาร
สามสิบมิถุนายนวาร พุทธศกตกกาล
สองพันห้าร้อยสิบสมัย
เจ๊ะงะมะตาดีไทย อิสลามหนึ่งใน
หมู่บ้านบือเจาะดือลง
นำช้างพังสะอาดผูกปลง บนเขาชายดง
เล็มล่าอาหารเดียวดาย
ส่วนนายเจ๊ะงะมั่นหมาย มุ่งหาสหาย
ประสาชาวป่าปราศรัย
ไป่นานเสียงแหวแต่ไกล เจ๊ะงะตกใจ
ด้วยเสียงพังสะอาดของตน
ชวนสหายวิ่งถึงจึ่งยล พลายน้อยเศวตสกนธ์
อายุราวเจ็ดเดือนปลาย
ยืนใกล้พังสะอาดเดียวดาย ท่วงทีพ่อพลาย
เหมือนใคร่พึ่งพิงนางพัง
เจ๊ะงะละล้าละลัง เกรงช้างโขลงขลัง
ขับฝูงจากป่าฆ่านาง
จึงเร่งแก้เชือกพังพลาง รีบลัดหาทาง
หลบมาเคหาสหาย
แต่โอ้เอ็นดูพ่อพลาย วิ่งต้อยตะกาย
ตามติดไม่คิดคืนดง
เคลียข้างนางพังดังจง ใจจดปลดปลง
ขออยู่ด้วยช่วยเอ็นดู
ที่เป็นอัศจรรย์ตาตรู ข่าวอึงถึงหู
แห่งท่านผู้ว่าราชการ
เจ้าเมืองยะลาเบิกบาน เร่งรับคชสาร
เลี้ยงไว้ใกล้ชิดเคหา
กราบบังคมทูลพระกรุณา โปรดให้ตรวจตรา
ปรากฎคชลักษณ์เลอวรรณ
ตระกูล "พรหมพงศ์" ทรงพรรณ ทองแดงแสงสัน สวยงาม "ดามพหัตถี"
พลายน้อยสู้สละพนาลี ทิ้งชนกชนนี
หมายพึ่งยุคลบาทภูบาล
ใครเห็นเป็นที่สงสาร เอ็นดูคชาธาร
น่ารักกิริยาท่าที
ว่านอนสอนง่ายหมายดี รู้จำวจี
พี่เลี้ยงพลอดพร่ำคำสอน
ไป่โหยไห้หามารดร รู้กินรู้นอน
รู้เล่นในโรงลำพัง
เหตุนี้เห็นถนัดชัดหวัง ในบุญจอมวัง
พลายน้อยจึงต้อยตามบุญ
ทรงพระเมตตาการุณ เตรียมคชศรีสุนทร์
เป็นพระยาช้างต้นตระการ
"พระเศวตสุรคชาธาร" เสพสุขทุกสถาน
เนาโรงรัตนะในเมือง
ฯลฯ
โลมาสีทองผ่องงาม
จตุเทพรังถวายจอมสยาม กำเนิดแคว้นคาม
ยะลาธานีศรีไทย
สารน้อยสู่บุญทรงชัย ประจักษ์ทั่วไป
ว่าเพราะพระเมตตาบารมี
พระทรงแผ่ทั่วธรณี ปวงประชาชี
ส่ำสัตว์พึ่งโพธิสมภาร
สามสิบมิถุนายนวาร พุทธศกตกกาล
สองพันห้าร้อยสิบสมัย
เจ๊ะงะมะตาดีไทย อิสลามหนึ่งใน
หมู่บ้านบือเจาะดือลง
นำช้างพังสะอาดผูกปลง บนเขาชายดง
เล็มล่าอาหารเดียวดาย
ส่วนนายเจ๊ะงะมั่นหมาย มุ่งหาสหาย
ประสาชาวป่าปราศรัย
ไป่นานเสียงแหวแต่ไกล เจ๊ะงะตกใจ
ด้วยเสียงพังสะอาดของตน
ชวนสหายวิ่งถึงจึ่งยล พลายน้อยเศวตสกนธ์
อายุราวเจ็ดเดือนปลาย
ยืนใกล้พังสะอาดเดียวดาย ท่วงทีพ่อพลาย
เหมือนใคร่พึ่งพิงนางพัง
เจ๊ะงะละล้าละลัง เกรงช้างโขลงขลัง
ขับฝูงจากป่าฆ่านาง
จึงเร่งแก้เชือกพังพลาง รีบลัดหาทาง
หลบมาเคหาสหาย
แต่โอ้เอ็นดูพ่อพลาย วิ่งต้อยตะกาย
ตามติดไม่คิดคืนดง
เคลียข้างนางพังดังจง ใจจดปลดปลง
ขออยู่ด้วยช่วยเอ็นดู
ที่เป็นอัศจรรย์ตาตรู ข่าวอึงถึงหู
แห่งท่านผู้ว่าราชการ
เจ้าเมืองยะลาเบิกบาน เร่งรับคชสาร
เลี้ยงไว้ใกล้ชิดเคหา
กราบบังคมทูลพระกรุณา โปรดให้ตรวจตรา
ปรากฎคชลักษณ์เลอวรรณ
ตระกูล "พรหมพงศ์" ทรงพรรณ ทองแดงแสงสัน สวยงาม "ดามพหัตถี"
พลายน้อยสู้สละพนาลี ทิ้งชนกชนนี
หมายพึ่งยุคลบาทภูบาล
ใครเห็นเป็นที่สงสาร เอ็นดูคชาธาร
น่ารักกิริยาท่าที
ว่านอนสอนง่ายหมายดี รู้จำวจี
พี่เลี้ยงพลอดพร่ำคำสอน
ไป่โหยไห้หามารดร รู้กินรู้นอน
รู้เล่นในโรงลำพัง
เหตุนี้เห็นถนัดชัดหวัง ในบุญจอมวัง
พลายน้อยจึงต้อยตามบุญ
ทรงพระเมตตาการุณ เตรียมคชศรีสุนทร์
เป็นพระยาช้างต้นตระการ
"พระเศวตสุรคชาธาร" เสพสุขทุกสถาน
เนาโรงรัตนะในเมือง
ฯลฯ
คำฉันท์ดุษฎีสังเวยกล่อมพระเศวตสุรคชาธารดังกล่าวนี้ยังได้กล่าวชมเมืองยะลาไว้อย่างน่าประทับใจว่า
ในเมืองยะลานี้ คชะศรีจะสร่างเข็ญ
สดชื่นระรื่นเย็น ศิระกว่าวนาหนาม
สี่ธานิทักษิณ ก็บุรินยะลางาม
ใหญ่ยิ่งมิแพ้สาม บุระอื่นและชื่นบาน
ขวัญเอยพระคชแก้ว จิตะแผ้วเกษมศาสติ์
ขอขวัญคชธาร ฐิตะมั่นมิพรั่นผอง
ชมเมืองประเทืองเนตร สุนิเวศน์ระเรืองรอง
สองฟากวิถีมอง คฤหาสน์และตึกราม
หญิงชายก็เกลื่อนกล่น จรดลถนนหลาม
งามเนตรและหน้างาม นริทักษิณานาง
ขำคมนิยมนัก วรพักตระนวลปราง
อ่าองคะสำอาง อนุรักษ์ประเพณี
งามปวงบุรุษใต้ ทวินัยน์ก็ศรศรี
นาสิกวิไลดี กิริยาสง่างาม
ภูษาโสร่งทรง พิศวง ณ เมื่อยาม
ชมชาวประชาสยาม บุริใต้หทัยเพลิน
พ่อจักสนานสนุก นิระทุกขะสุขเกิน
มองเมืองยะลาเจริญ และจะลืมพนาสัณฑ์
อาคารสถานรัฐ ก็อุบัติถะกลครัน
ตรูตาสถาบัน และสง่าศาลากลาง
ปลูกพรรณพฤกษชาติ ระดะดาดประดับทาง
ดอกใบก็รางชาง ตะละล้วนวิเศษสี
ภาคพื้นถนนกว้าง บมิว่างเพราะรถมี
ยั่วยานขวะไขว่ลิ ละคระไลก็หลายพรรณ
ธัญญาพลาหาร ก็ตระการอุดมสรรพ์
เมืองไทยวิไลธรรม์ ผลโภคมิโศกซา
บุญพ่อจะได้ชม บุริรมยนามยะลา
เหมือนเทวะพารา ทิวะนี้จะยิ่งงาม
ด้วยราชพิธีการ นฤบาลพระจอมสยาม
สมโภชะพ่องาม "เศวตสุรคชาธาร"
สดชื่นระรื่นเย็น ศิระกว่าวนาหนาม
สี่ธานิทักษิณ ก็บุรินยะลางาม
ใหญ่ยิ่งมิแพ้สาม บุระอื่นและชื่นบาน
ขวัญเอยพระคชแก้ว จิตะแผ้วเกษมศาสติ์
ขอขวัญคชธาร ฐิตะมั่นมิพรั่นผอง
ชมเมืองประเทืองเนตร สุนิเวศน์ระเรืองรอง
สองฟากวิถีมอง คฤหาสน์และตึกราม
หญิงชายก็เกลื่อนกล่น จรดลถนนหลาม
งามเนตรและหน้างาม นริทักษิณานาง
ขำคมนิยมนัก วรพักตระนวลปราง
อ่าองคะสำอาง อนุรักษ์ประเพณี
งามปวงบุรุษใต้ ทวินัยน์ก็ศรศรี
นาสิกวิไลดี กิริยาสง่างาม
ภูษาโสร่งทรง พิศวง ณ เมื่อยาม
ชมชาวประชาสยาม บุริใต้หทัยเพลิน
พ่อจักสนานสนุก นิระทุกขะสุขเกิน
มองเมืองยะลาเจริญ และจะลืมพนาสัณฑ์
อาคารสถานรัฐ ก็อุบัติถะกลครัน
ตรูตาสถาบัน และสง่าศาลากลาง
ปลูกพรรณพฤกษชาติ ระดะดาดประดับทาง
ดอกใบก็รางชาง ตะละล้วนวิเศษสี
ภาคพื้นถนนกว้าง บมิว่างเพราะรถมี
ยั่วยานขวะไขว่ลิ ละคระไลก็หลายพรรณ
ธัญญาพลาหาร ก็ตระการอุดมสรรพ์
เมืองไทยวิไลธรรม์ ผลโภคมิโศกซา
บุญพ่อจะได้ชม บุริรมยนามยะลา
เหมือนเทวะพารา ทิวะนี้จะยิ่งงาม
ด้วยราชพิธีการ นฤบาลพระจอมสยาม
สมโภชะพ่องาม "เศวตสุรคชาธาร"
คำฉันท์ดังกล่าวนี้ได้รับการคัดเลือกให้เป็นเรื่องหนึ่งในหนังสืออ่านภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ของกรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ นามของพระเศวตสุรคชาธาร และชื่อของจังหวัดยะลา จึงเป็นที่รู้จักอย่างดีของคนทั้งประเทศ
ความเฉลียวฉลาดและน่ารักของพระเศวตสุรคชาธาร ในเวลาต่อมาจึงเป็นที่ประทับใจของผู้ได้พบเห็น สมกับเป็นพระยาช้างต้นคู่ พระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นอย่างยิ่ง สมเด็จ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทรงมีพระราชปรารถถึง พระเศวตสุรคชาธาร ไว้ว่า
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
(เมื่อทรงพระเยาว์) ทรงฉายร่วมกับพระเศวตสุรคชาธาร
ซึ่งเป็นช้างเผือกเชือกแรกในรัชการปัจจุบัน
Her Royal Highness princess Maha Chakri
Sirindhorn and Phra Savet Surakhachadhara
"ฉันชอบช้างมากที่สุด ช้างทำอะไรได้หลายอย่าง มีนิทานและเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับช้างมากมายในหนังสือที่เคยอ่าน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเป็นองค์แรกที่คิดว่าช้างเป็นสัญญลักษณ์ของฉัน ใคร ๆ พลอยถือเช่นนั้นตามไปด้วย เห็นข้าวของ สิ่งใดเป็นรูปช้างก็ซื้อหามาให้ใช้ หรือตั้งดูเล่น
อีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้ฉันต้องเกี่ยวข้องกับช้าง คือ จังหวัดยะลาน้อมเกล้าฯ ถวายตามประเพณีโบราณ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ขึ้นระวางเป็น พระเศวตสุรคชาธาร ทรงเลี้ยงในเขตพระราชฐานเป็นเชือกแรก"
การที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงโปรดเกล้าฯ ให้มีพระราชพิธีรับและขึ้นระวางสมโภช พระเศวตสุรคชาธารในวันที่ 9 - 11 มีนาคม พ.ศ.2511 ณ สนามโรงพิธีช้างเผือก จังหวัดยะลาจึงนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นซึ่งชาวยะลาสำนึก ในพระมหากรุณาธิคุณไม่รู้ลืม
เนเธเนเนเธเธฅเนเธฒเธชเธธเธเนเธเธข เนเธกเธทเนเธญ Sat Jan 20, 2007 1:19 pm, เธเธฑเนเธเธซเธกเธ 1 เธเธฃเธฑเนเธ